
หลายๆ คนที่ชื่นชอบแบบบ้านสไตล์โมเดิร์นทรงกล่องที่มีดีไซน์ ทันสมัย แปลกแหวกแนว และมีความโดดเด่น สามารถอวดสายตาแก่ผู้พบเห็น แต่แบบบ้านสไตล์นี้ก็มีข้อจำกัดเพราะไม่เหมาะกับสภาพอากาศที่มีความร้อนชื้น ฝนตกหนัก หรือมรสุมลมแรงอย่างเมืองไทยเรา ดังนั้นบ้านทรงนี้จึงอาจเกิดปัญหาตามมา อาทิ บ้านร้อน น้ำฝนรั่วซึมและอย่างอื่นอีกมากมาย แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้ได้มีการคิดค้นวิธีการแก้ปัญหาปรับเปลี่ยนเทคนิคการออกแบบ ให้บ้านโมเดิร์นหลังใหม่ของคุณเป็นบ้านที่น่าอยู่ได้ จะมีอะไรกันบ้างนั้นเราไปชมกันเลยค่ะ
ที่มา : homedeedeeforyou
เรียบเรียง : thaidrawing
1. การเลือกหลังคาเป็นปราการด่านสำคัญในการป้องกันฝน
โดยทั่วไปแล้วเรามักจะเห็นบ้านโมเดิร์นมีหลังคาเป็นทรงแบน (flat Slab roof) ที่เรียบเนียนไปกับดีไซน์ของอาคาร ซึ่งหลังคาที่จะระบายน้ำฝนได้ดีนั้น ต้องลาดเอียงตั้งแต่ 30-45 องศา อย่างหลังคาทรงจั่ว ทรงปั้นหยา ที่อยู่คู่กับสถาปัตยกรรมไทยมานาน แต่เมื่อเป็นบ้านโมเดิร์นทรงกล่อง สิ่งที่จะช่วยระบายน้ำฝนได้คือองศาที่ลาดเอียงและวัสดุที่ใช้มุง ไม่ว่าจะเป็นแผ่นเมทัลชีท กระเบื้องลอนคู่ หากเป็นหลังคาคอนกรีตควรผสมสารกั้นรั่วซึมในเนื้อคอนกรีตและเคลือบน้ำยากั้นรั่วซึมอีกรอบ พร้อมเจาะช่องระบายน้ำฝนให้ไหลลงท่อระบาย
2. ชายคาที่ยื่นยาวบังฝนได้ดี
แม้ว่าจะเป็นส่วนเกินของอาคารทรงกล่อง แต่ชายคายังคงเป็นเสมือนร่มชั้นดีที่ทำหน้าที่บังแดดบังฝนให้กับตัวบ้าน บ้านในเมืองไทยควรมีชายคายื่นอย่างน้อย 110 เซนติเมตรขึ้นไป สำหรับบ้านโมเดิร์นนิยมใช้ชายคาแบนเรียบยื่นออกจากตัวอาคาร และผนังขอบประตูหน้าต่างควรมีคิ้วยื่นออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนไหลเข้าสู่หน้าต่างโดยตรง
3. ส่วนยื่น-หด ลดแรงกระทบโดยตรงได้
เป็นอีกหนึ่งลูกเล่นของบ้านโมเดิร์นที่เหล่าสถาปนิกไทยหาทางแก้ปัญหาผนังรั่วซึมโดยออกแบบให้ตัวอาคารมีส่วนหดส่วนยื่น เมื่อสายฝนพัดกระทบใส่ผนัง ส่วนนี้จะเป็นป้อมปราการด่านแรก ส่วนหดและส่วนยื่นนิยมเติมฟังก์ชั่นให้เป็นพื้นที่สามารถใช้งานได้อย่างเป็นระเบียงสำหรับนั่งเล่น
4. รางน้ำฝนสำคัญ
แม้ว่าจะเป็นดูเกะกะสายตา แต่นั่นคือสิ่งจะเป็นที่ต้องมี ก่อนสร้างบ้านควรตกลงกับสถาปนิกให้ดีว่าควรมีรางน้ำฝนแบบไหน หากกลัวไม่สวยงามสามารถซ่อนไว้ในผนังอาคารได้แต่ต้องป้องกันการรั่วซึมอย่างดีเพราะหากเกิดปัญหาขึ้นมาต้องทุบรื้อเป็นเรื่องใหญ่พอตัว
5. ทิศของฝนควรหลบด้วยดีไซน์
การรู้ทิศทางของฝนก่อนสร้างบ้านเป็นอีกหนึ่งสิ่งจำเป็นที่ช่วยป้องกันฝนสาดเข้าสู่อาคารได้ โดยทั่วไปแล้วเมืองไทยจะเจอลมมรสุมที่เป็นลมประจำฤดูกาลคือลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ หรือลมมรสุมฤดูร้อน ซึ่งจะส่งผลให้มีฝนตกชุก อากาศชื้นในช่วงเดือนพ.ค.ไปถึงเดือนพ.ย.ดังนั้นจึงควรสังเกตทิศทางบนที่ดินที่จะปลูกบ้านให้ดี หากเป็นทิศทางฝนควรสร้างที่กำบังเป็นพิเศษ
แสดงความคิดเห็น